มาสเตอร์คูลผู้เชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาอากาศร้อนและปรับปรุงคุณภาพอากาศครบวงจร
029538800
12/16-17,20 ถ.เทศบาลสงเคราะห์
แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
Master Kool มาสเตอร์คูลMaster Kool มาสเตอร์คูลMaster Kool มาสเตอร์คูล
วิธีใช้เครื่องฟอกอากาศให้มีประสิทธิภาพ

วิธีใช้เครื่องฟอกอากาศให้มีประสิทธิภาพ

      คุณภาพอากาศภายในบ้านสำคัญต่อสุขภาพ มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดมลภาวะของอากาศภายในบ้าน อาทิ ฝุ่นละออง เศษละอองเกสร แก๊ซ และสารเคมี ซึ่งเครื่องฟอกอากาศ สามารถช่วยให้คุณภาพของอากาศภายในบ้านนั้นดีขึ้นได้ ถ้าหากอยากจะมีเครื่องฟอกอากาศติดบ้านสักตัว ไม่ใช่ซื้ออะไรก็ได้ เพราะเมื่อเราอยากให้อากาศในบ้านสะอาดปลอดภัย การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพ และมาตรฐาน ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน อย่างเครื่องฟอกอากาศมาสเตอร์คูล เพราะฉะนั้น ไม่ใช่แค่มีเครื่องฟอกอากาศที่ดี แต่ต้องใช้ให้ถูกวิธี และมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้จึงขอแนะนำ วิธีใช้เครื่องฟอกอากาศให้มีประสิทธิภาพ

วิธีใช้เครื่องฟอกอากาศให้มีประสิทธิภาพ

    เครื่องฟอกอากาศเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยขจัดมลพิษในอากาศ และทำความสะอาดอากาศภายในบ้าน หรือที่ทำงาน เช่น ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ เกสรดอกไม้ สารก่อภูมิแพ้ และสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ เป็นตัวช่วยที่ดีในการรักษาความสะอาดของอากาศ แต่ยังไม่สามารถแทนที่การเปิดหน้าต่างเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ได้

    เครื่องฟอกอากาศมักมีระบบกรองอากาศหลายชั้น และใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วย เช่น HEPA filter, Activated Carbon filter และ Ionizer เพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในบ้าน หรือที่ทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม ควรเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับขนาดห้อง การใช้งาน ดีไซน์ที่ชอบ

1. ทำความสะอาดตัวเครื่อง และเปลี่ยนแผ่นกรอง
วิธีใช้เครื่องฟอกอากาศให้มีประสิทธิภาพ

      แผ่นกรองอากาศนี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยในการดักจับฝุ่นและเชื้อโรคเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยกรองกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้ ซึ่งเมื่อใช้งานไปสักระยะ อาจทำให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคจนก่อให้เกิดกลิ่นอับภายภายในเครื่องฟอกอากาศได้เช่นกัน จึงควรเปลี่ยนแผ่นกรองเมื่อถึงเวลา และทำความสะอาดแผ่นกรองชั้นอื่นๆ นอกจากนั้นยังต้องรักษาความสะอาดของตัวเครื่องฟอกอากาศให้สะอาดอยู่เสมอ เช็ดฝุ่น และคราบสกปรกด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเปียกเช็ด

2. ตั้งวางเครื่องในตำแหน่งที่ถูกต้อง
วิธีใช้เครื่องฟอกอากาศให้มีประสิทธิภาพ, ตำแหน่ง

    ตำแหน่งในการวางเครื่องฟอกอากาศ มีผลต่อการใช้งาน และประสิทธิภาพของการฟอกอากาศ ตำแหน่งที่เหมาะสมในการวางเครื่องฟอกอากาศได้แก่

    • ควรตั้งเครื่องฟอกอากาศบนพื้นผิวราบ เช่น พื้น หรือโต๊ะ และควรตั้งบริเวณกลางของห้อง เพื่อให้อากาศไหลเวียนได้อย่างทั่วถึง
    • ไม่ควรตั้งเครื่องฟอกอากาศ และเครื่องปรับอากาศไว้ในมุมเดียวกัน เพราะมีโอกาสที่เครื่องปรับอากาศจะดึงอากาศไปได้มากกว่าเครื่องฟอกอากาศ ทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
    • ควรตั้งเครื่องฟอกอากาศในบริเวณที่ไม่มีสิ่งกีดขวางการดูดอากาศเข้า และให้อากาศสะอาดไหลเวียนไปยังบริเวณที่คุณหายใจ การวางตั้งเครื่องไว้ต่ำหรือสูงเกินไปก็จะทำให้เครื่องทำงานได้โดยไม่เต็มประสิทธิภาพ ควรตั้งเครื่องให้ห่างจากวัตถุอื่นๆ หรือผนังห้องให้มากกว่า 15 ซม.
    • ตั้งวางเครื่องฟอกอากาศในบริเวณที่ไม่มีสิ่งกีดขวางอากาศเข้า ไม่ควรวางชิดผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ และไม่ควรนำหนังสือ แจกัน หรือสิ่งอื่นๆ วางด้านบนเครื่อง
    • หลีกเลี่ยงการตั้งวางในพื้นที่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป อากาศที่ร้อนหรือเย็นจัดสามารถส่งผลต่อประสิทธิภาพการฟอกอากาศของเครื่อง
    • ไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศไว้ที่หัวเตียง เนื่องจากตัวเครื่องฟอกอากาศจะดูดอากาศที่ยังไม่สะอาดเข้ามากรอง ถ้าวางเครื่องฟอกอากาศไว้ที่หัวนอนก็จะเป็นดึงอากาศที่ยังไม่ได้กรองมาให้เราได้สูดหายใจนั่นเอง
    • ไม่ควรวางเครื่องกรองอากาศและละอองฝุ่นหน้าห้องน้ำ เนื่องจากความชื้นจากห้องน้ำอาจทำให้ตัวกรองเสื่อมประสิทธิภาพเร็ว ทั้งยังก่อให้เกิดเชื้อราและแบคทีเรียสะสมในแผ่นกรองอากาศได้อีกด้วย
3. เปิดเครื่องให้ทำงานตลอดเวลา

     การฟอกอากาศนั้น เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง  เพราะอากาศภายในห้อง มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ จึงควรเปิดเครื่องฟอกอากาศให้ทำงานอยู่ตลอด โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ หรือหอบหืด และสำหรับคนที่กลัวเรื่องค่าไฟนั้น เครื่องฟอกอากาศส่วนมากนั้นไม่กินไฟ หรือสามารถปรับให้เป็นพัดลมระดับต่ำสุด เพื่อให้ประหยัดมากขึ้น และหากต้องการเปิดเครื่องฟอกอากาศเฉพาะบางเวลา ขอแนะนำให้เปิดในตอนกลางคืนระหว่างการนอนหลับ

4. ใช้งานเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่ปิด

      เครื่องฟอกอากาศจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการขจัดฝุ่นละออง กลิ่น และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างรวดเร็วในพื้นที่ปิด เช่นเดียวกับการใช้งานเครื่องปรับอากาศ เพราะตัวเครื่องฟอกอากาศจะดึงเอาอากาศภายในห้องมาฟอกภายตัวเครื่อง แล้วปล่อยออกมาหมุนเวียนอยู่ภายในห้อง ดังนั้นการเปิดห้องโล่งแล้วใช้งานเครื่องฟอกอากาศ ก็จะทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานหนักตลอดเวลา ส่งผลให้เครื่องฟอกอากาศเสื่อมประสิทธิภาพการใช้งานเร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อากาศภายในห้องก็ไม่สะอาดเท่าที่ควร เพราะมีมลภาวะจากอากาศภายนอกลอยเข้ามาปนเปื้อนนั่นเอง

5. เลือกใช้เครื่องฟอกอากาศตามขนาดห้อง

      การเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับห้อง และขนาดพื้นที่ใช้สอย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่ทำงานหนักจนเกินไป เพราะเครื่องฟอกอากาศแต่ละตัวนั้น จะถูกออกแบบมาให้มีกำลังที่ต่างกัน จึงเหมาะกับพื้นที่ที่ต่างกันออกไป ดังนั้นต้องรู้ก่อนเสมอว่า เครื่องฟอกอากาศที่ใช้งาน เหมาะกับห้องไม่เกินกี่ตารางเมตร และควรเลือกเครื่องฟอกอากาศให้มีกำลังที่มากกว่าขนาดของห้องเล็กน้อย เพราะถ้าหากนำเครื่องฟอกไปไว้ในห้องที่กว้างเกินกว่าเครื่องจะรับไหว ก็จะทำให้เครื่องทำงานหนักเกินไป จนอาจเสื่อมสภาพเร็ว แถมอากาศที่ได้ก็ยังไม่สะอาด และยังอาจทำให้ห้องมีกลิ่นอับอีกด้วย

เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี CADR (Clean Air Delivery Rate) เพียงพอต่อขนาดพื้นที่

  • พื้นที่ห้อง 10-20 ตารางเมตร ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี CADR อยู่ที่ 100-150 CFM
  • พื้นที่ห้อง 21-35 ตารางเมตร ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี CADR อยู่ที่ 150-250 CFM
  • พื้นที่ห้อง 36-50 ตารางเมตร ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี CADR อยู่ที่ 250-350 CFM
  • พื้นที่ห้อง 51 ตารางเมตรขึ้นไป ควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มี CADR อยู่ที่ 350 CFM ขึ้นไป
ข้อควรระวังในการใช้เครื่องฟอกอากาศ
  • ไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศไว้ใกล้กับแหล่งความร้อน เช่น เตาผิง เตาแก๊ส เตาอบ หรือแสงแดดโดยตรง
  • ไม่ควรวางเครื่องฟอกอากาศไว้ในห้องที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ความชื้นสูงอาจทำให้ไส้กรองเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  • ไม่ควรใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีเสียงรบกวนมาก อาจรบกวนการนอนหลับได้
  • หากเครื่องฟอกมีสัญญาณเตือนการเปลี่ยนแผ่นกรองหรือปัญหาอื่นๆ อย่าละเลยและควรตรวจสอบและแก้ไขทันที

นอกจากรู้ วิธีใช้เครื่องฟอกอากาศให้มีประสิทธิภาพ ต้องรู็จักเลือกเครื่องฟอกอากาศ ที่มีประสิทธิภาพด้วย

สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่นี่