วิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศในบ้านคุณ
ชวนเช็กคุณภาพอากาศ วิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศในบ้าน ทดสอบการกรองฝุ่น PM 2.5 ตรวจไส้กรอง และเทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน
ในปัจจุบัน ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยเฉพาะ PM 2.5 ได้กลายเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของทุกคน การมีเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านจึงเป็นทางออกที่ช่วยลดมลพิษและทำให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสงสัยว่าเครื่องฟอกอากาศที่ใช้สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้มีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจวิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 พร้อมกับเทคนิคที่จะช่วยให้การใช้งานเครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพสูงสุด
วิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ
- วัดคุณภาพอากาศก่อนและหลังใช้งาน
- ใช้เครื่องวัดคุณภาพอากาศภายในบ้านเพื่อเปรียบเทียบระดับค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ก่อนเปิดเครื่องฟอกอากาศและหลังเปิดใช้งานประมาณ 30-60 นาที หากค่าฝุ่นลดลงอย่างชัดเจน แสดงว่าเครื่องสามารถทำงานได้ดี
- ตรวจสอบการไหลเวียนของอากาศ (Airflow)
- เครื่องฟอกอากาศที่ดีต้องสามารถดูดอากาศเข้าและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองทดสอบโดยนำกระดาษบาง ๆ มาวางใกล้ช่องดูดอากาศ หากกระดาษขยับแสดงว่าเครื่องทำงานได้ดี
- ทดสอบไส้กรอง (Filter Check)
- เปิดฝาเครื่องฟอกอากาศและตรวจสอบไส้กรองว่ามีฝุ่นสะสมหรือไม่ หากไส้กรองเปลี่ยนเป็นสีดำหรือเต็มไปด้วยฝุ่น ควรเปลี่ยนไส้กรองใหม่ตามระยะเวลาที่กำหนด
- เครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรอง PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องใช้ไส้กรอง HEPA (High-Efficiency Particulate Air) ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 99.97%
- ทดสอบกลิ่นและคุณภาพอากาศ
- เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นมีฟังก์ชันกรองกลิ่น ควรทดสอบโดยใช้น้ำหอมสเปรย์หรือกลิ่นบุหรี่แล้วสังเกตว่ากลิ่นลดลงเร็วเพียงใด
เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องฟอกอากาศ
- เลือกขนาดเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับพื้นที่
- ตรวจสอบค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ของเครื่องฟอกอากาศว่าเหมาะสมกับขนาดห้องหรือไม่ หากใช้เครื่องที่มี CADR ต่ำในห้องขนาดใหญ่ อาจทำให้อากาศไม่ได้รับการกรองอย่างทั่วถึง
- วางเครื่องฟอกอากาศในตำแหน่งที่เหมาะสม
- ควรตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้ในพื้นที่ที่มีการไหลเวียนของอากาศดี ไม่ควรวางชิดผนังหรือมุมห้อง เพราะอาจทำให้การดูดอากาศไม่ทั่วถึง
- เปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่กำหนด
- โดยทั่วไป ไส้กรอง HEPA ควรเปลี่ยนทุก 6-12 เดือน หรือบ่อยกว่านั้นหากอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง
- ทำความสะอาดเครื่องฟอกอากาศเป็นประจำ
- ควรเช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องและช่องระบายอากาศทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันฝุ่นสะสมที่อาจลดประสิทธิภาพการทำงาน
- ใช้ร่วมกับมาตรการลดฝุ่นในบ้าน
- หลีกเลี่ยงการใช้พรม หรือเฟอร์นิเจอร์ที่สะสมฝุ่นได้ง่าย
- หมั่นทำความสะอาดบ้านและใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA
- ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดในวันที่ค่าฝุ่นสูง
การตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจว่าเครื่องสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวัดคุณภาพอากาศ ตรวจสอบไส้กรอง และเลือกตำแหน่งการวางเครื่องให้เหมาะสม จะช่วยให้คุณได้รับอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์ในบ้านอย่างแท้จริง นอกจากนี้ การบำรุงรักษาเครื่องฟอกอากาศอย่างสม่ำเสมอยังช่วยยืดอายุการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 ที่มีคุณภาพสูง ควรพิจารณารุ่นที่ใช้ไส้กรอง HEPA และมีค่า CADR ที่เหมาะสมกับขนาดห้อง เพื่อให้มั่นใจว่าอากาศที่คุณหายใจในทุกวันปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าและบริการของ Masterkool ได้ที่
Tel : 02-953-8800, 092-260-5140
Email : info@masterkool.co.th