มาสเตอร์คูลผู้เชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาอากาศร้อนและปรับปรุงคุณภาพอากาศครบวงจร
029538800
12/16-17,20 ถ.เทศบาลสงเคราะห์
แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
Master Kool มาสเตอร์คูลMaster Kool มาสเตอร์คูลMaster Kool มาสเตอร์คูล
วิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศในบ้านคุณ

วิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศในบ้านคุณ

ชวนเช็กคุณภาพอากาศ วิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศในบ้าน ทดสอบการกรองฝุ่น PM 2.5 ตรวจไส้กรอง และเทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน

ในปัจจุบัน ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยเฉพาะ PM 2.5 ได้กลายเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพของทุกคน การมีเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านจึงเป็นทางออกที่ช่วยลดมลพิษและทำให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสงสัยว่าเครื่องฟอกอากาศที่ใช้สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้มีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจวิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 พร้อมกับเทคนิคที่จะช่วยให้การใช้งานเครื่องฟอกอากาศมีประสิทธิภาพสูงสุด

วิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศ

  1. วัดคุณภาพอากาศก่อนและหลังใช้งาน
    • ใช้เครื่องวัดคุณภาพอากาศภายในบ้านเพื่อเปรียบเทียบระดับค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ก่อนเปิดเครื่องฟอกอากาศและหลังเปิดใช้งานประมาณ 30-60 นาที หากค่าฝุ่นลดลงอย่างชัดเจน แสดงว่าเครื่องสามารถทำงานได้ดี
  2. ตรวจสอบการไหลเวียนของอากาศ (Airflow)
    • เครื่องฟอกอากาศที่ดีต้องสามารถดูดอากาศเข้าและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลองทดสอบโดยนำกระดาษบาง ๆ มาวางใกล้ช่องดูดอากาศ หากกระดาษขยับแสดงว่าเครื่องทำงานได้ดี
  3. ทดสอบไส้กรอง (Filter Check)
    • เปิดฝาเครื่องฟอกอากาศและตรวจสอบไส้กรองว่ามีฝุ่นสะสมหรือไม่ หากไส้กรองเปลี่ยนเป็นสีดำหรือเต็มไปด้วยฝุ่น ควรเปลี่ยนไส้กรองใหม่ตามระยะเวลาที่กำหนด
    • เครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรอง PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพต้องใช้ไส้กรอง HEPA (High-Efficiency Particulate Air) ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ถึง 99.97%
  4. ทดสอบกลิ่นและคุณภาพอากาศ
    • เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นมีฟังก์ชันกรองกลิ่น ควรทดสอบโดยใช้น้ำหอมสเปรย์หรือกลิ่นบุหรี่แล้วสังเกตว่ากลิ่นลดลงเร็วเพียงใด

เทคนิคเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานเครื่องฟอกอากาศ

  1. เลือกขนาดเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับพื้นที่
    • ตรวจสอบค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ของเครื่องฟอกอากาศว่าเหมาะสมกับขนาดห้องหรือไม่ หากใช้เครื่องที่มี CADR ต่ำในห้องขนาดใหญ่ อาจทำให้อากาศไม่ได้รับการกรองอย่างทั่วถึง
  2. วางเครื่องฟอกอากาศในตำแหน่งที่เหมาะสม
    • ควรตั้งเครื่องฟอกอากาศไว้ในพื้นที่ที่มีการไหลเวียนของอากาศดี ไม่ควรวางชิดผนังหรือมุมห้อง เพราะอาจทำให้การดูดอากาศไม่ทั่วถึง
  3. เปลี่ยนไส้กรองตามระยะเวลาที่กำหนด
    • โดยทั่วไป ไส้กรอง HEPA ควรเปลี่ยนทุก 6-12 เดือน หรือบ่อยกว่านั้นหากอยู่ในพื้นที่ที่มีมลพิษสูง
  4. ทำความสะอาดเครื่องฟอกอากาศเป็นประจำ
    • ควรเช็ดทำความสะอาดตัวเครื่องและช่องระบายอากาศทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันฝุ่นสะสมที่อาจลดประสิทธิภาพการทำงาน
  5. ใช้ร่วมกับมาตรการลดฝุ่นในบ้าน
    • หลีกเลี่ยงการใช้พรม หรือเฟอร์นิเจอร์ที่สะสมฝุ่นได้ง่าย
    • หมั่นทำความสะอาดบ้านและใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีแผ่นกรอง HEPA
    • ปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิดในวันที่ค่าฝุ่นสูง

การตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้มั่นใจว่าเครื่องสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวัดคุณภาพอากาศ ตรวจสอบไส้กรอง และเลือกตำแหน่งการวางเครื่องให้เหมาะสม จะช่วยให้คุณได้รับอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์ในบ้านอย่างแท้จริง นอกจากนี้ การบำรุงรักษาเครื่องฟอกอากาศอย่างสม่ำเสมอยังช่วยยืดอายุการใช้งานและลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 ที่มีคุณภาพสูง ควรพิจารณารุ่นที่ใช้ไส้กรอง HEPA และมีค่า CADR ที่เหมาะสมกับขนาดห้อง เพื่อให้มั่นใจว่าอากาศที่คุณหายใจในทุกวันปลอดภัยจากมลพิษทางอากาศ

MASTERKOOL (มาสเตอร์คูล) คือผู้เชี่ยวชาญในการแก้ไขปัญหาอากาศร้อนและปรับปรุงคุณภาพอากาศแบบครบวงจร ที่พร้อมนำเสนอโซลูชันเกี่ยวกับระบบบำบัดกลิ่น ระบบทำความเย็น และระบบระบายอากาศที่หลากหลาย อาทิ พัดลมอุตสาหกรรม พัดลมตั้งพื้น พัดลมโรงงาน พัดลมฟาร์ม พัดลมแขวนผนังที่มีประสิทธิภาพ ระบบบำบัดอากาศ เครื่องฟอกอากาศ พัดลมไอเย็น เครื่องทำน้ำเย็น ตู้กดน้ำเย็น รวมถึงดูแลและให้บริการระบบอีแวป (Evaporative Cooling System) ระบบทำความเย็นในโรงงานอีกด้วย เพื่อการช่วยตอบโจทย์กับทุกความต้องการในการใช้งานอย่างครอบคลุม

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าและบริการของ Masterkool ได้ที่

Tel : 02-953-8800, 092-260-5140
Email : info@masterkool.co.th