มาสเตอร์คูลผู้เชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาอากาศร้อนและปรับปรุงคุณภาพอากาศครบวงจร
029538800
12/16-17,20 ถ.เทศบาลสงเคราะห์
แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
Master Kool มาสเตอร์คูลMaster Kool มาสเตอร์คูลMaster Kool มาสเตอร์คูล
แผ่นกรองอากาศ HEPA

แผ่นกรองอากาศ HEPA

แผ่นกรองอากาศ HEPA

แผ่นกรองอากาศ HEPA ตัวช่วยในการสร้างอากาศบริสุทธิ์

      มีหลายคนสงสัยว่า แผ่นกรองอากาศ HEPA Filter ที่อยู่ในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องฟอกอากาศ หรือเครื่องฆ่าเชื้อโรค มันคืออะไร ? ทำงานอย่างไร ? และแตกต่างกับแผ่นกรองอากาศแบบทั่วไปอย่างไร ? มารู้จักกันในบทความนี้กันเลย!!!

HEPA Filter คืออะไร ?

     HEPA Filter หรือที่ย่อมาจากคำว่า “High Efficiency Particulate Air Filter” จัดเป็นแผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง ทำมาจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) ถักทอจนมีขนาดที่เล็กมากๆ จนมันมีความสามารถ ในของการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆ (Small Particles) ได้เป็นอย่างดี สามารถดักจับฝุ่นที่มีอนุภาคเล็ก 0.3 ไมครอน ซึ่งเล็กกว่าฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างน้อย 99.97 % ด้วยวัสดุที่ทำจากเทคโนโลยีเส้นใยขั้นสูง ทำให้มั่นใจได้ว่าฝุ่นที่มีขนาดเล็กมากๆ รวมไปถึงสิ่งสกปรกอื่นๆ เช่น ละอองเกสร ควัน หรือแม้แต่แบคทีเรียและเชื้อราที่ลอยอยู่ในอากาศ ก็จะถูกดักจับไว้

       แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถดักจับสิ่งสกปรกที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนไม่ได้ เพราะคุณสมบัติที่กล่าวนั้นเป็นเพียงเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการใช้คำว่า HEPA เท่านั้น ปัจจุบันก็มี HEPA Filter หลายเกรด ซึ่งบางเกรดก็สามารถกรองสิ่งสกปรกได้เล็กกว่านั้น 

HEPA Filter มีกี่ชนิด ?

      HEPA Filter นั้น ยังมีรายละเอียด ปลีกย่อยอีกมากมาย โดยทางสหภาพยุโรป (European Union) ได้มีการจำแนกคลาส ในมาตรฐานยุโรป (European Standard) อย่าง EN 1822:2009 ย่อยลงไปอีกกว่า 8 คลาสด้วยกันเลยทีเดียว

  • E10 กรองฝุ่นละอองได้ 85% (ฝุ่นละอองมีโอกาสผ่านแผ่นกรองออกไปได้ 15%)
  • E11 กรองฝุ่นละอองได้ 95% (ฝุ่นละอองมีโอกาสผ่านแผ่นกรองออกไปได้ 5%)
  • H12 กรองฝุ่นละอองได้ 99.5% (ฝุ่นละอองมีโอกาสผ่านแผ่นกรองออกไปได้ 0.5%)
  • H13 กรองฝุ่นละอองได้ 99.95% (ฝุ่นละอองมีโอกาสผ่านแผ่นกรองออกไปได้ 0.05%)
  • H14 กรองฝุ่นละอองได้ 99.995% (ฝุ่นละอองมีโอกาสผ่านแผ่นกรองออกไปได้ 0.005%)

      จะเห็นได้ว่ายิ่งเป็นแผ่นกรองที่มีเกรดสูงมากเท่าไหร่ ความละเอียดในการกรองก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นหากคุณต้องการปลอดภัยจากอันตรายของฝุ่นจิ๋ว การเลือกแผ่นกรอง HEPA Filter (H13-H14) ก็จะถือว่าตอบโจทย์ที่สุด

แล้ว HEPA Filter มีประโยชน์อย่างไร ?

      ข้อดีหลักๆ คือ เป็นตัวช่วยในการสร้างอากาศบริสุทธิ์ ในบริเวณที่มีการใช้งาน ด้วยการลดจำนวนสิ่งสกปรก และสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้คุณ และคนในครอบครัว ห่างไกลจากอันตราย และโรคร้ายที่จะตามมาจากฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ เช่น โรคหอบหืด โรคภูมิแพ้ หรือโรคร้ายต่างๆในระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น

HEPA Filter ทำงานอย่างไร ?

      แบบเข้าใจง่ายๆ คือเมื่อมีอากาศที่กำลังจะผ่านแผ่นกรองไป เส้นใยทำผสานกันอย่างหนาแน่นก็จำทำหน้าที่เป็นเหมือนกำแพงหลายๆ ด่าน เพื่อไม่ให้สิ่งที่ปนเปื้อนมากับอากาศหลุดรอดไปนั่นเอง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของสิ่งสกปรกที่ปกเปื้อนมากับอากาศด้วย เพราะมันก็จะถูกดับจับในวิธีที่ต่างกัน 4 รูปแบบ

  1. การชน (Direct Impaction) : เป็นวิธีที่สิ่งสกปรกขนาดใหญ่ เช่น ฝุ่น เกสรดอกไม้ หรือเชื้อราบางชนิด ลอยมาชน และติดเข้ากับเส้นใยของแผ่นกรองโดยตรง
  2. การคัดกรอง (Sieving) : ในกรณีที่สิ่งสกปรกเหล่านั้นไม่ได้มาชนเส้นใยโดยตรง แต่ด้วยความหนาแน่นของเส้นใยในแผ่นกรอง ทำให้ช่องว่างระหว่างเส้นต่อเส้นมีน้อย ฝุ่นหรือสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ลอยมาชน ก็จะไม่สามารถผ่านช่องว่างนั้นไปได้
  3. การสกัดกั้น (Interception) : กลไกการสกัดกั้นคือ เมื่อฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่มีขนาดเล็ก เคลื่อนไปตามการไหลเวียนของอากาศที่รวดเร็ว ก็อาจจะทำให้มันสามารถเคลื่อนไหวอ้อมเส้นใยด่านแรกๆ ไปได้ แต่ด้วยความหนาแน่นของเส้นใย และแรงเฉื่อย สุดท้ายสิ่งสกปรกขนาดเล็กเหล่านั้นก็จะติดกับด้านข้างของเส้นใย
  4. การแพร่ (Diffusion) : ฝุ่น และสิ่งสกปรกที่มีขนาดเล็กมาก เช่น ที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน มักจะมีเส้นทางการเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นทิศไม่เป็นทาง ทำให้พวกมันมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไปชน และติดกับเส้นใยด้วยตัวเอง
การดูแลรักษาแผ่นกรอง HEPA Filter

      โดยปกติแล้วแผ่นกรอง HEPA Filter จะมีอายุการใช้งานประมาณ 4-5 ปี แต่ในความเป็นจริง ถ้าคุณมีการใช้งานมันเป็นประจำทุกวัน ก็ควรหมั่นทำความสะอาด หรืออาจจะต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุด

      ในการทำความสะอาด เนื่องจากส่วนใหญ่แล้ว HEPA Filter มักจะทำมาจากวัสดุไฟเบอร์กลาส (Fibeglass) ดังนั้นมันจึงไม่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยการซักล้าง และใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดต่างๆ เพราะมันอาจจะทำลายเส้นใยของแผ่นกรองได้  แต่คุณสามารถทำความสะอาดได้โดยการใช้แปรงปัดฝุ่นที่อยู่ตามร่อง และเคาะเบาๆให้ฝุ่นหลุดออกมาจากแผ่นกรอง

ทั้งนี้ ถ้าคุณเห็นว่าแผ่นกรองอากาศเริ่มดำจนแทบจะไม่มีพื้นที่ที่เป็นสีขาวแล้ว ก็ควรที่จะเปลี่ยน ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วคนส่วนใหญ่มักจะเปลี่ยนทุก 1-2  ปี

เครื่องฟอกอากาศ MASTERKOOL

สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่นี่