24 พฤษภาคม 2025 แก้กลิ่นไม่พึงประสงค์ในพัดลมไอเย็น 7 วิธี แก้กลิ่นไม่พึงประสงค์ในพัดลมไอเย็น มีประโยชน์อย่างไร? แก้กลิ่นไม่พึงประสงค์ในพัดลมไอเย็น คือสิ่งที่ควรรู้ไว้ สำหรับผู้ที่มีพัดลมไอเย็นติดบ้านไว้ทุกคน เนื่องจากพัดลมไอเย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยคลายร้อนและประหยัดไฟ แต่ผู้ใช้หลายคนอาจประสบปัญหา “กลิ่นไม่พึงประสงค์” ขณะใช้งาน เช่น กลิ่นอับ กลิ่นเหม็นน้ำ หรือกลิ่นคล้ายเชื้อรา ซึ่งไม่เพียงทำให้รู้สึกไม่สบาย แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น อาการแพ้ หรือระบบทางเดินหายใจระคายเคืองวันนี้เรามี 7 วิธีแก้กลิ่นไม่พึงประสงค์ในพัดลมไอเย็น แบบง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำเองได้ มาแนะนำ เพื่อยืดอายุการใช้งานของเครื่อง และให้คุณได้ลมเย็นที่สะอาด สดชื่นทุกครั้งที่เปิดใช้ 1.ล้างถังน้ำให้สะอาดเป็นประจำ กลิ่นเหม็นจากพัดลมไอเย็นส่วนใหญ่มักเริ่มต้นจาก ถังเก็บน้ำ หากไม่ได้ล้างเป็นเวลานาน คราบตะไคร่ ตะกอน หรือเศษฝุ่นในน้ำอาจหมักหมมและก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์แนะนำ: ล้างทำความสะอาดโดยใช้เพียงน้ำสะอาดเท่านั้น ไม่ควรใช้น้ำยาล้างทำความสะอาด เพราะอาจทำลายสารเคลือบแผงรังผึ้ง และทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้ 2.ล้างแผงรังผึ้ง (Cooling Pad) อย่างสม่ำเสมอ แผงรังผึ้งมีหน้าที่ดูดซับน้ำและปล่อยลมเย็นออกมา หากปล่อยให้สกปรกจะสะสมแบคทีเรีย เชื้อรา และเกิดกลิ่นเหม็นได้ง่ายวิธีทำความสะอาด: ถอดแผงรังผึ้งออกแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาด เพราะอาจทำลายสารเคลือบเฉพาะของแผงรังผึ้ง 3.เติมน้ำสะอาดเท่านั้น น้ำที่ใช้เติมควรเป็น น้ำสะอาด ไม่มีตะกอนหรือกลิ่น เพราะน้ำสกปรกอาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นจากภายในตัวเครื่อง และอาจกระจายกลิ่นผ่านลมเย็นออกมาได้ ซึ่งการป้องกันการเกิดกลิ่นในเครื่องด้วยการเติมเพียงน้ำสะอาดเท่านั้น จะสามารถแก้กลิ่นไม่พึงประสงค์ในพัดลมไอเย็นได้เป็นอย่างดี 4. วางพัดลมในที่อากาศถ่ายเท ควรวางพัดลมไอเย็นในห้องที่มีการระบายอากาศดี เช่น ใกล้หน้าต่างหรือพื้นที่เปิด เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศอับชื้นสะสมจนกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา💡 สูตรที่ควรจำ: ห้องอับอากาศ + ความชื้น = เชื้อรา + กลิ่นเหม็น 5.หลีกเลี่ยงการปล่อยน้ำนอนค้างในถัง หากไม่ได้ใช้พัดลมไอเย็นต่อเนื่อง ควรเทน้ำออกจากถังให้หมดทุกครั้งหลังใช้งาน เพราะน้ำที่ปล่อยค้างคืนอาจเกิดการหมักหมม ส่งกลิ่นเหม็น และกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อจุลินทรีย์ได้ 6.ปิดโหมด “Cool” ก่อนเลิกใช้งาน ก่อนปิดเครื่อง ควรปิดโหมด “Cool” และเปิดพัดลมเปล่า ๆ (Fan) ทิ้งไว้ 15-30 นาที เพื่อให้แผงรังผึ้งแห้งสนิทการปล่อยให้แผงเปียกค้างไว้ จะทำให้เกิดเชื้อราและกลิ่นอับในครั้งต่อไปที่เปิดใช้งาน 7.เปิดโหมด Ozone ฆ่าเชื้อในน้ำ (ถ้ามี) บางรุ่นจะมีโหมดปล่อยโอโซน (Ozone) ซึ่งสามารถใช้ช่วย ฆ่าเชื้อโรคในน้ำก่อนเปิดโหมด Cool ได้แนะนำ: เปิดโหมด Ozone ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ก่อนใช้งานโหมดพ่นลมเย็น เพื่อให้น้ำสะอาดและปลอดเชื้อโรคมากขึ้น ทั้งยังสามารถแก้กลิ่นไม่พึงประสงค์ในพัดลมไอเย็นได้ ดูแลพัดลมไอเย็นอย่างไรไม่ให้เหม็น? -ควรทำความสะอาดพัดลมไอเย็น อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง-หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอม หรือน้ำยาปรับอากาศเติมลงในถัง เพราะอาจทำให้เกิดคราบ และกลิ่นตกค้างในระยะยาว-ตรวจสอบแผ่นกรองฝุ่นด้านหลังอยู่เสมอ เพราะฝุ่นสะสมมากเกินไปจะทำให้ลมมีกลิ่นอับ-หากเครื่องมีกลิ่นผิดปกติแม้ล้างแล้ว ควรให้ช่างตรวจสอบปั๊มน้ำหรือระบบภายใน ✅ สรุป: อย่าปล่อยให้ “กลิ่น” ทำให้พัดลมไอเย็นหมดประโยชน์ พัดลมไอเย็นสามารถให้ลมเย็นสบาย และประหยัดพลังงานได้มากหากดูแลอย่างถูกต้อง การล้างถังน้ำ ล้างแผงรังผึ้ง และใช้ฟังก์ชันเสริมอย่างโหมด Ozone จะช่วยลดกลิ่นอับได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถแก้กลิ่นไม่พึงประสงค์ในพัดลมไอเย็นได้อย่างหายห่วงดูแลแค่ไม่กี่ขั้นตอน แต่ช่วยให้พัดลมไอเย็นของคุณกลับมา เย็น สดชื่น และไร้กลิ่น เหมือนใหม่ได้ไม่ยากเลยครับ! ติดตามและรับข่าวสารได้ที่ Facebook: Masterkool Previous Post อีแวป ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ และอุตสาหกรรม