มาสเตอร์คูลผู้เชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาอากาศร้อนและปรับปรุงคุณภาพอากาศครบวงจร
029538800
12/16-17,20 ถ.เทศบาลสงเคราะห์
แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
มาสเตอร์คูลผู้เชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาอากาศร้อนและปรับปรุงคุณภาพอากาศครบวงจรมาสเตอร์คูลผู้เชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาอากาศร้อนและปรับปรุงคุณภาพอากาศครบวงจรมาสเตอร์คูลผู้เชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาอากาศร้อนและปรับปรุงคุณภาพอากาศครบวงจร
เทคนิคซักผ้าหน้าฝน

เทคนิคซักผ้าหน้าฝน

      เมื่อเข้าสู่ช่วงหน้าฝน ปัญหาหลักๆที่จะเจอก็คือ การซักผ้า และตากผ้า นั่นเอง ฤดูฝนเป็นช่วงที่ไม่ค่อยมีแสงแดด และถ้าฝนตกบ่อย และมีอากาศชื้นด้วย ทำให้เวลาที่ตากผ้า ก็จะแห้งยาก และทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นเหม็นอับ ยิ่งการตากผ้าหน้าฝนในคอนโด หอพัก ที่มักจะมีพื้นที่ที่จำกัด ก็ยิ่งจะทำให้การซักผ้าหน้าฝนนั้นแห้งช้ากว่าเดิมอีก เราจึงรวม เทคนิคซักผ้าหน้าฝน มาไว้ให้แล้วที่นี่

เทคนิคซักผ้าหน้าฝน

1. เช็คสภาพอากาศก่อนซักผ้า – สามารถเช็คพยากรณ์อากาศได้จากโทรทัศน์ เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ เพื่อดูว่าวันนี้อากาศเป็นอย่างไรบ้าง  มีโอกาสที่ฝนจะตกมากน้อยเพียงใด เหมาะแก่การซักผ้าหรือไม่ เพราะถ้าตัดสินใจซักผ้า โดยที่ไม่ได้ดูสภาพอากาศให้ดีก่อน อาจจะทำให้ผ้าเปียกฝนได้ และต้องซักใหม่ หรืออาจจะชื้นข้ามวัน จนแห้งไม่ทันใช้งาน

2. ปั่นผ้าไปพร้อมกับผ้าขนหนู –  วิธีนี้เป็นวิธีที่หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ ซึ่งการใส่ผ้าขนหนูเข้าไปปั่นพร้อมกับการซักผ้าอื่น ๆ แม้จะกินเนื้อที่ไปพอสมควร แต่เมื่อถึงขั้นตอนการปั่นหมาด ความนุ่มฟูของผ้าขนหนู จะช่วยดูดซับน้ำจากเสื้อผ้าชิ้นอื่น ๆ ได้ พอเราเอาผ้าออกมาจากถังซัก ผ้าก็จะหมาดมากกว่าปกติ ทำให้เราใช้เวลาตากน้อยลง เพราะผ้าแห้งไวขึ้น และลดการอับของผ้าด้วย

3. เลือกตากผ้าในห้องที่อุณหภูมิสูงที่สุด – ในบ้าน ในคอนโด หรือหอพัก มักจะมีห้องที่ร้อนที่สุดเสมอ เช่นห้องครัว ก็จะเป็นส่วนที่ร้อนที่สุด วิธีการคือ ให้ลองเอาผ้าไปตากที่ห้องที่อุณภูมิสูงที่สุด ถ้ามีระเบียงในห้องด้วยก็แง้ม ๆ ประตูระเบียงให้ลมพอผ่านเข้า – ออกได้

4. ตากผ้าในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก – ช่วงหน้าฝนเราไม่สามารถตากผ้าในที่โล่งด้านนอกได้ จึงทำให้ต้องหาทำเล หรือพื้นที่ภายในบ้าน เพื่อใช้ในการตากผ้า ซึ่งควรเลือกพื้นที่โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก และหลีกเลี่ยงพื้นที่อับชื้น โดยควรตากผ้าให้มีระยะห่างกันเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เบียดกันจนเกินไป จากนั้นเปิดพัดลมส่ายเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก จะทำให้สามารถลดกลิ่นอับในเสื้อผ้า และทำให้ผ้าแห้งเร็วอีกด้วย

5. ใช้พัดลมเข้าช่วย – การย้ายผ้าเข้ามาตากในบ้านเพื่อหลบฝนแล้วใช้พัดลมมาช่วยไล่ความชื้น ถือเป็นวิธีทำให้ผ้าแห้ง ที่หลายคนเลือกใช้ นอกจากเสื้อผ้าแห้งได้ไวขึ้นแล้ว ยังช่วยลดกลิ่นอับของเสื้อผ้าอีกด้วย พัดลมตั้งพื้น Masterkool รุ่น MDSF-16 ที่สามารถปรับระดับได้ 15 ระดับ ลมเย็น แรง ช่วยให้ผ้าแห้งได้ไวขึ้น และไม่เกิดกลิ่นอับชื้น อีกยังมีโหมดกลางคืน ที่จะทำให้ไม่มีเสียงรบกวนตอนเราพักผ่อน

6. ซักผ้าตอนเช้า – การเลือกซักผ้าตอนเย็น แล้วตากในช่วงกลางคืน ไม่ได้ช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น แถมอาจมีกลิ่นเหม็นอับตามมาอีกด้วย ทางที่ดีแนะนำให้ลงมือควรซักผ้า และตากในช่วงเช้าจะดีกว่า เพราะแสงแดดและลมอุ่น ๆ จะทำให้ผ้าแห้งเร็ว สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ แถมยังกำจัดกลิ่นอับได้ดีอีก

7. ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือผงซักฟอกสูตรเฉพาะช่วย – การเลือกใช้ผงซักฟอก น้ำยาซักผ้า และน้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่เป็นสูตรสำหรับซักผ้าในหน้าฝน หรือตากผ้าในที่ร่ม สามารถช่วยแก้ปัญหาเสื้อผ้าไม่ให้อับได้ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรเฉพาะเหล่านี้ ส่วนใหญ่มาพร้อมเทคโนโลยียับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ลดกลิ่นอับชื้นแม้ต้องตากในที่ร่ม แต่แน่นอนว่าการใช้น้ำยาซักผ้า หรือผงซักฟอกที่ออกแบบมาเพื่อให้ซักผ้าหน้าฝน หรือตากผ้าในร่มโดยเฉพาะ อาจไม่ได้ช่วยให้ผ้าไม่เหม็นอับได้ 100% แต่ก็สามารถช่วยได้เยอะเลย

8. หลีกเลี่ยงการซักผ้าในปริมาณมาก – การซักเสื้อผ้าในปริมาณมากเกินไป นอกจากผงซักฟอก หรือน้ำยาซักผ้าจะเข้าไปทำความสะอาดเนื้อผ้าได้ไม่ทั่วถึงแล้ว การตากผ้าหน้าฝนที่มีความชื้นในอากาศสูง นอกจากผ้าแห้งช้ายังก่อให้เกิดเชื้อรา หรือแบคทีเรียบนเสื้อผ้าได้ง่ายอีกด้วย ดังนั้นการลดปริมาณเสื้อผ้าให้น้อยลง ช่วยให้ผงซักฟอก และน้ำยาซักผ้าขจัดคราบสกปรกได้อย่างทั่วถึง และเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญเวลาตากผ้าสามารถเว้นระยะห่างแต่ละตัวได้มากขึ้น ทำให้ผ้าแห้งเร็วกว่าเดิม

9. ตากผ้าหลังจากซักเสร็จเลยทันที – เป็นวิธีที่ทุกคนรู้เป็นอย่างดี แต่มักจะหลงลืม และปล่อยปละละเลย ปล่อยแช่เอาไว้ในถังซักผ้าจนเหม็นอับ ควรตากผ้าหลังจากซักเสร็จเรียบร้อยเลยทันที จะได้ไม่ต้องซักผ้าใหม่อีกรอบให้เสียเวลา

10. บิดผ้าให้หมาดที่สุด – หากซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้า เลือกใช้ระบบปั่นหมาดเพื่อช่วยให้ผ้าไม่อมน้ำ แต่หากซักด้วยมือควรบิดผ้า และสะบัดน้ำออกให้ได้มากที่สุด  เพื่อช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น

11. ซักผ้าด้วยน้ำอุ่น – เสื้อผ้าที่เปียกฝน หรือเลอะคราบสิ่งสกปรก สามารถก่อให้เกิดเชื้อโรค หรือแบคทีเรียได้ ดังนั้นการทำความสะอาดเสื้อผ้า ควรซักในน้ำร้อนเพื่อช่วยกำจัดเชื้อโรค

12. ตากผ้าด้วยไม้แขวนเสื้อ – บางคนตากเสื้อผ้าแบบพาดราว จึงทำให้ผ้าแห้งช้าได้ แนะนำว่าในช่วงหน้าฝน ลองตากผ้ากับไม้แขวนเสื้อดู แล้วจะรู้ว่ามันช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น เพราะลมผ่านเข้าง่าย แถมยังขนย้ายหนีฝนได้สะดวกอีกด้วย

13. ใช้เครื่องอบผ้าแทนการตาก – แม้ว่าเครื่องซักผ้าหลายรุ่นมีระบบปั่นหมาด ที่สามารถนำน้ำส่วนเกินออกจากผ้าได้ แต่ในช่วงเวลาที่สภาพอากาศแปรปรวน การใช้เครื่องอบผ้ามาช่วย ทำให้ผ้าแห้งได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องพึ่งแสงแดด ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะช่วยไม่ให้ผ้ามีกลิ่นอับ และลดการสะสมของเชื้อโรคอีกด้วย

14. ไม่ตากผ้าในห้องที่มีพรม –  ห้ามตากผ้าในห้องที่มีการปูพรมเด็ดขาด เพราะพรมจะมีอัตราการดูดซับความชื้นสูงกว่าเสื้อผ้า ฉะนั้นเมื่อเอาเสื้อผ้าไปตากในห้องที่มีพรม พอเสื้อผ้าคลายความชื้นออกมา กลายเป็นว่าแทนที่จะระเหยไป พรมกับดูดความชื้นพวกนั้นเข้าไปแทน ส่งผลให้พรมชื้น และห้องก็ชื้นตาม อาจทำให้เกิดเชื้อราขึ้นตามเฟอร์นิเจอร์ ลามไปวอลเปเปอร์แน่นอน

การซักผ้าในฤดูฝน ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแค่นำ เทคนิคซักผ้าหน้าฝน นี้ไปใช้

      ช่วยให้การซักผ้า และตากผ้าในหน้าฝนง่ายขึ้นอย่างแน่นอน และอย่าลืมเอา เทคนิคซักผ้าหน้าฝนไปแบ่งปันเพื่อนๆ ด้วยนะคะ ช่วงนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อย่าลืมรักษาสุขภาพโดยการใช้ตัวช่วยอย่าง เครื่องฟอกอากาศ เครื่องฆ่าเชื้อโรคในอากาศ เพื่อสุขภาพที่ดีเลือกใช้ Masterkool นะคะ

สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ที่นี่
X