เช็กด่วน! คุณเป็นภูมิแพ้แบบไหนกันแน่
อาการจาม คันตา น้ำมูกไหล หรือผื่นคันที่หลายคนมองว่า เรื่องเล็กน้อย แท้จริงแล้วอาจเป็นสัญญาณของ ภูมิแพ้ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่พบมากที่สุดในปัจจุบัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยฝุ่น PM 2.5 ควันรถ และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ
หลายคนอาจไม่รู้ตัวว่า ตัวเองเป็นภูมิแพ้แบบไหน เพราะภูมิแพ้มีหลายประเภท และอาการที่แตกต่างกัน การเข้าใจลักษณะของภูมิแพ้ จะช่วยให้คุณป้องกัน และดูแลตัวเองได้อย่างถูกวิธี
ภูมิแพ้ คืออะไร ?
ภูมิแพ้ คือภาวะที่ร่างกายมีการตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมที่ปกติไม่เป็นอันตราย เช่น ฝุ่น ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ หรืออาหารบางชนิด และเมื่อร่างกายเข้าใจผิดว่าสิ่งเหล่านี้ คือ ศัตรู ระบบภูมิคุ้มกันจึงหลั่งสารฮีสตามีนออกมา ส่งผลให้เกิดอาการคัน จาม น้ำมูกไหล หรือ หอบหืด
ประเภทของภูมิแพ้ที่พบบ่อย
รู้หรือไม่ว่า ภูมิแพ้ไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่สามารถเกิดได้หลายระบบในร่างกาย เรามาเช็กกันว่าคุณอาจอยู่ในกลุ่มไหน
ภูมิแพ้อากาศ
เป็นภูมิแพ้ที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการสูดดมสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง ขนสัตว์ หรือเกสรดอกไม้
อาการ : จามบ่อย คันจมูก น้ำมูกไหล คัดจมูกตอนกลางคืน หรือเมื่อตื่นเช้า
ปัจจัยกระตุ้น : อากาศเปลี่ยน ฝุ่นในห้อง พรม ผ้าม่าน หรือที่นอนที่ไม่ได้ทำความสะอาด
ภูมิแพ้จากขนสัตว์
สำหรับคนรักน้องหมา น้องแมว อาจต้องระวัง ภูมิแพ้ชนิดนี้เกิดจากโปรตีนในน้ำลาย รังแค หรือปัสสาวะของสัตว์เลี้ยง
อาการ : คันตา น้ำมูกไหล จาม หรือ ผื่นขึ้นเมื่อสัมผัสสัตว์
แนวทางป้องกัน : แยกพื้นที่นอนของสัตว์เลี้ยงออกจากห้องนอน, ทำความสะอาดขน และกรงเป็นประจำ, ใช้ เครื่องฟอกอากาศที่มี แผ่นกรอง HEPA H13 เพื่อลดสารก่อภูมิแพ้จากขนสัตว์
ภูมิแพ้เกสรดอกไม้
พบมากในช่วงฤดูฝน หรือ ฤดูที่มีเกสรลอยในอากาศ
อาการ : จามบ่อย คันตา น้ำมูกใส และรู้สึกระคายคอ
คำแนะนำ : ปิดหน้าต่างเวลานอน ใช้เครื่องฟอกอากาศ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้าน
ภูมิแพ้อาหาร
เกิดจากร่างกายตอบสนองต่ออาหารบางชนิด เช่น นมวัว ถั่ว ไข่ หรือ อาหารทะเล
อาการ : คลื่นไส้ ลมพิษ ผื่นแดง หรือในบางกรณีอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นหายใจไม่ออก
วิธีป้องกัน : หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ และอ่านฉลากอาหารก่อนบริโภคทุกครั้ง
ภูมิแพ้จากฝุ่น
เกิดจากไรฝุ่นที่อาศัยอยู่ในที่นอน หมอน หรือพรม
อาการ : คัดจมูก จามตอนเช้า หรือแน่นหน้าอก
แนวทางลดไรฝุ่น : ซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนทุกสัปดาห์, ตากแดดเครื่องนอน, ใช้เครื่องฟอกอากาศ และเครื่องดูดไรฝุ่น เพื่อลดปริมาณไรฝุ่นในบ้าน
ทำไมภูมิแพ้ ถึงเป็นมากขึ้นในยุคนี้
สาเหตุที่อัตราการเกิดภูมิแพ้เพิ่มสูงขึ้น มาจากหลายปัจจัย เช่น
- มลพิษทางอากาศ และฝุ่น PM 2.5
- การอยู่ในห้องที่อากาศหมุนเวียนไม่ดี
- พฤติกรรมทำความสะอาดที่ไม่สม่ำเสมอ
- ความเครียด และการนอนหลับไม่เพียงพอ
สิ่งเหล่านี้ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ และเพิ่มความไวต่อสารก่อภูมิแพ้มากขึ้น
วิธีดูแลตัวเองเมื่อมีอาการภูมิแพ้
การรักษาภูมิแพ้ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาเสมอไป หากรู้จักปรับพฤติกรรมและสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม
ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ
โดยเฉพาะห้องนอน พรม ผ้าม่าน และเบาะโซฟา เพราะเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและไรฝุ่น
ใช้เครื่องฟอกอากาศคุณภาพดี
เครื่องฟอกอากาศที่มี HEPA Filter จะช่วยกำจัดฝุ่นละออง สปอร์เชื้อรา และสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับผู้ที่เป็นภูมิแพ้อากาศ หรือ มีสัตว์เลี้ยงในบ้าน
รักษาความชื้นให้เหมาะสม
ไม่ควรให้อากาศแห้งเกินไป เพราะจะกระตุ้นอาการภูมิแพ้จมูก แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เกิดความชื้น จนเกิดเชื้อรา
ดูแลสุขภาพ และอาหารการกิน
ทานอาหารที่มีวิตามินซี และโอเมก้า 3 ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น


